ไม่ต้องไล่หาข้อมูลในทุกเว็บ อ่านบทความนี้บทความเดียวคือจบ! เพราะรวบรวมมาให้แล้วในทุกๆ หัวข้อเกี่ยวกับ ‘การศัลยกรรมเสริมจมูก’ หนึ่งในการศัลยกรรมยอดฮิตติดลมบน อย่ารอช้า…อ่านให้หายข้องใจกันเลย!
ทำความรู้จักกับศัลยกรรมเสริมจมูก
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดตกแต่งด้วยการเสริมวัสดุพิเศษเฉพาะ เพื่อปรับแก้รูปทรงจมูกเดิมที่มีรูปทรงไม่สวยงาม ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม หรือเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ให้สมบูรณ์แบบตามความต้องการ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น
ซึ่งในทุกๆ กระบวนการต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้บริการด้วยสถานบริการที่ผ่านมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพ พร้อมรีวิวคนไข้ที่ทำศัลยกรรม และทั้งหมดจะต้องอยู่ในราคาที่สมเหตุสมผลกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ซึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการศัลยกรรมเสริมจมูก เราต้องรู้จักจมูกของเราก่อนว่ามีลักษณะแบบไหน ต้องแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วหลักๆ จะมีปัญหารูปทรงจมูกทั้ง 5 แบบ มีลักษณะดังนี้
- จมูกสั้น มีลักษณะปลายจมูกที่มีความยาวไม่เลยฐานของปีกจมูก ทำให้จมูกแลดูตัดสั้นคล้ายกับจมูกหมู หรือบางรายเสริมจมูกไม่เหมาะกับตนเอง แกนจมูกรั้งปลายจมูกมากเกินไป อาจเกิดการทะลุได้
- จมูกแบน มีลักษณะสันจมูกน้อยหรือไม่มีสันจมูกเลย รวมถึงเนื้อบริเวณสันน้อยมากด้วย จึงทำให้จมูกไม่มีมิติ และแบน
- จมูกเบี้ยว บริเวณสันจมูกจะมีลักษณะเบี้ยว เอียง ไม่ตรง จากธรรมชาติเดิม หรือในบางรายเสริมมาแล้วตำแหน่งในการวางซิลิโคนจมูกที่ไม่เหมาะสมทำให้เบี้ยว และเอียงได้
- จมูกบาน เนื้อบริเวณส่วนของปลายจมูกมีมากเกินไป และมีขนาดใหญ่ หรือมีลักษณะจมูกแลดูโตมากกว่าคนอื่นๆ
- จมูกงุ้ม มีลักษณะปลายจมูกที่ยาวลงมา เกิดมาการคดลงหรืองุ้มลงมากกว่าปกติ ทำให้ปลายจมูกแลดูตกลงคล้ายๆ กับจมูกแม่มด
- จมูกมีฮัมพ์ มีลักษณะกระดูกอ่อนนูนอยู่บนตำแหน่งสันจมูก บางรายอาจมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ทำให้สันจมูกดูไม่เรียบเนียน องค์รวมของใบหน้าแลดูหน้าดุ
ลักษณะจมูกดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ซึ่งบางคนอาจมีปัญหาได้มากกว่าหนึ่งอย่าง ดังนั้นนอกจากการเช็กเพื่อรู้จักจมูกของตนเองแล้ว แนะนำว่าควรประเมินปัญหาทรงจมูกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไข และออกแบบการรักษาให้ตรงจุดจะดีที่สุด ซึ่งปัญหาจมูกดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมว่าใครที่มีเกณฑ์หรือเหมาะสำหรับการเสริมจมูกอีกด้วย
- จะต้องมีอายุ 18 - 20 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่จมูกจะเจริญเติบโตได้เต็มที่ และจะต้องไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือมีการให้นมบุตร
- ไม่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับภาวะเลือดออกง่าย เลือดหนืดหรือแข็งตัวง่าย รวมถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดผิดปกติต่างๆ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
ซิลิโคน
เป็นวัสดุยอดนิยมที่นิยมมากกว่าการใช้เนื้อเยื่อ เพราะเมื่อเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะได้รูปทรงที่แน่นอน และสามารถปรับให้เข้ากับจมูกได้ทุกรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นน้อย อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่สูงมาก ซึ่งการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะแบ่งประเภทของซิลิโคนออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน
- ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป โดยจะขึ้นเป็นทรงมาให้แล้ว มีโอกาสเบี้ยวหรือเอียงน้อยมากเรียกชื่อตามลักษณะทรงจมูกตามที่แก้ไข ทว่าอาจจะไม่เหมาะกับทุกๆ คน เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น ซิลิโคนแมนทิส, ซิลิโคนบาร์บี้, ซิลิโคนซินเดอเรลล่า, เป็นต้น
- ซิลิโคนแบบเหลาเอง โดยซิลิโคนจะมาเป็นแท่งหรือบล็อคสี่เหลี่ยมธรรมดา ซึ่งแพทย์จะเป็นคนดีไซน์ และเหลาทรงให้เข้ากับรูปจมูกของคนไข้ ซึ่งซิลิโคนเหลาเองจะต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญ และความแม่นยำสูง มีลักษณะเรียบลื่น มีความอ่อนแข็งต่างกัน เช่น แข็ง, แข็งปานกลาง, นุ่ม และนุ่มมาก ซึ่งเหมาะกับการแก้ไขจมูกในทุกรูปแบบ ให้ความเป็นธรรมชาติ
กระดูกอ่อน
เป็นการเสริมจมูกด้วยการนำกระดูกออกในร่างกายมาใช้ ซึ่งข้อดีของการเสริมจมูกแบบกระดูกอ่อน จะช่วยลดความเสี่ยงที่บริเวณปลายจมูกไม่บาง และไม่เสี่ยงต่อทะลุในระยะยาว เนื่องด้วยการเสริมโดยใช้กระดูกอ่อนจะเป็นการเพิ่มความหนาของปลายจมูก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น การนำกระดูกอ่อนในร่างกายมาใช้เสริมจมูกจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 จุด ดังนี้
- กระดูกอ่อนหลังใบหู นิยมใช้มากที่สุด โดยจะใช้กระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณส่วนแอ่งของใบหู (Concha)
- กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก เป็นการปรับโครงสร้างจมูกโดยคือการเอากระดูกอ่อนมาเย็บต่อกับกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูกที่มีอยู่เพื่อให้ผนังกั้นจมูกนั้นยาวขึ้น
- กระดูกอ่อนซี่โครง เป็นการใช้กระดูกอ่อนจากซี่โครงของคนไข้เอง เพื่อนำมาเสริมจมูก ซึ่งจะใช้เวลาในการผ่าตัดค่อนข้างนาน และแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะต้องมีความเชี่ยวชาญสูงอย่างมาก
ศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่เทคนิค
เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดแผลบริเวณกลางจมูกเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนทางด้านในทั้งจมูกได้ชัดเจน ซึ่งเป็นเทคนิคที่แก้ไขข้อจำกัดต่างๆ จากในส่วนของเทคนิคการผ่าตัดแบบปิดแบบเดิม จึงช่วยแก้ไขความผิดปกติของทรงจมูกได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคนโดยไม่จำเป็น อีกทั้งการเสริมจมูกในเทคนี้ยังสามารถทำร่วมกับเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบมากขึ้นอีกด้วย เช่น การตอกฐานจมูก การยืดผนังกั้นจมูก หรือการตะไบฮัมพ์ ฯลฯ เป็นต้น
เหมาะกับผู้ที่มีจมูกเชิด จมูกสั้น จมูกงุ้ม จมูกเอียงธรรมชาติ หรือคนไข้มีขนาดจมูกที่ใหญ่ โดยเราสามารถตัดแต่งกระดูกอ่อน ร่วมกับการตัดเนื้อที่หนา บริเวณปลายจมูกทำให้รูปทรงจมูกมีขนาดที่เล็กลง อีกทั้งยังช่วยแก้จมูกจากปัญหาปลายจมูกทะลุ
เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
เป็นการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นโดยไม่ต้องปรับโครงสร้างจมูก ซึ่งแผลจะซ่อนอยู่ด้านในชิดขอบรูจมูก เพื่อสร้างโพรงขึ้นไปจนถึงสันจมูกด้านบน ซึ่งเป็นเทคนิคที่เหมาะกับการใช้ซิลิโคนอย่างเดียวก็เพียงพอ ถ้าคนไข้มีผิวบริเวณปลายจมูกที่บางอาจจะต้องเสริมด้วยการเพิ่มเนื้อเยื่อทั้งกระดูกอ่อนหลังหูหรือเนื้อเยื่อมเทียมเพื่อป้องกันการเสี่ยงทะลุในระยะยาว
เนื่องด้วยเป็นการผ่าตัดเล็กเหมาะกับคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องของโครงสร้างจมูกมาก เช่น จมูกไม่สั้นเกินไป ปลายจมูกไม่ใหญ่เกินไป โครงสร้างค่อนข้างดี กระดูกฮัมพ์ไม่สูงมาก เป็นต้น
เทคนิคเสริมเพิ่มความปังให้ทรงจมูก!
- รองปลายจมูก คือ การเพิ่มความหนาของปลายจมูกหรือปรับให้ปลายจมูกที่สั้นยาวขึ้น และหนาขึ้น จมูกจะได้รูปทรงที่สวยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการทะลุในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งมีวัสดุในการนำมารองปลายหลากหลาย เช่น เนื้อเยื่อจากร่างกายของเรา หรือเนื้อเยื่อเทียม
- ตอกฐานจมูก คือ การปรับโครงสร้างจมูก ซึ่งจะทำให้ฐานสองข้างของสันจมูกที่มีขนาดใหญ่ ให้ดูเรียวได้รูปมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ทำแกนจมูก เมื่อใส่เข้าไปจะแลดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- ตะไบฮัมพ์ คือ การตะไบปุ่มกระดูกนูนที่บริเวณสันจมูก เพื่อวางซิลิโคนให้แนบชิดมากที่สุด เพื่อลดโอกาสการเบี้ยวเอียงของซิลิโคนในอนาคต ทรงจมูกจะแลดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่กระดก
- การเย็บหรือตัดปีกจมูก คือ เทคนิคอย่างหนึ่งที่จะช่วยปรับรูปทรงจมูกที่มีปีกจมูกกว้างให้เล็กลง รูจมูกจะไม่บานออก และทำให้มีรูปทรงของจมูกได้สัดส่วนสวยงามมากยิ่งขึ้น
- เย็บอินเตอร์โดม คือ การเย็บกระดูกบริเวณปลายจมูกทั้งสองข้างให้เข้าหากัน ทำให้ปลายจมูกยกขึ้น และที่สำคัญปลายจมูกดูเล็กลง เรียวลง เป็นรูปทรงที่สวยงาม
‘เสริมจมูกผู้ชาย’ กับ ‘เสริมจมูกผู้หญิง’ แตกต่างกันไหม?
- เสริมจมูกผู้ชาย จะเน้นไปที่เรื่องของความโด่งของจมูก มีสันจมูกที่ตรง เพื่อเพิ่มมิติความคมเข้มให้ใบหน้า องค์รวมจะดูหล่อในสไตล์เท่ๆ ที่เป็นธรรมชาติ
- เสริมจมูกผู้หญิง จะเน้นไปที่ความอ่อนหวาน จมูกโค้ง สันจมูกสโลปลง ใบหน้าจะแลดูละมุนมากขึ้น
เลือกทรงจมูกอย่างไร ให้เหมาะกับใบหน้า
เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากพอๆ กับการเลือกวิธีการผ่าตัดศัลยกรรมหรือการเลือกใช้วัสดุในการเสริมจมูกเลยทีเดียว โดยหลังแพทย์ทำการประเมินเพื่อเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาแล้ว แพทย์จะเริ่มดีไซน์เพื่อออกแบบทรงจมูกโดยอาศัยการวิเคราะห์จากขนาดความกว้างของหัวตา สันจมูก ความหนา และความกว้างของเนื้อบริเวณปลายจมูก ตามด้วยการวัดความยาวตั้งแต่สันจมูก ไล่มาถึงปลายจมูก อีกทั้งยังผนวกกับการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ของจมูกแลดูสวยเป็นธรรมชาติเข้ากับกายวิภาคของใบหน้าคนไข้ในแต่ละบุคคล ซึ่งกระบวนการทั้งหมดคนไข้จะได้มีส่วนร่วมในการเลือกทรงที่ตนเองชอบอีกด้วย
อีกทั้งยังมี 3 ทรงจมูกตัวอย่างที่เหมาะกับรูปหน้าคนไทยมากที่สุดซึ่งเป็นที่นิยมมากในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก
- จมูกทรงสโลปหยดน้ำ เป็นการเสริมให้จมูกมีลักษณะสโลปตั้งแต่หัวตาลงมาที่สันจมูก เพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูกให้ได้สัดส่วน พร้อมทิ้งปลายจมูกให้มีลักษณะหยดน้ำจึงได้ทรงที่ละมุน อย่างเป็นธรรมชาติ
- จมูกทรงสโลปปลายพุ่ง เป็นการเสริมให้จมูกมีความพุ่งมากขึ้น โดยบริเวณจะมีลักษณะสันจมูกเรียวสวย และโค้งสโลปลงมาตั้งแต่หัวตาจนถึงปลายจมูก ส่วนปลายจมูกจะเชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความโฉบเฉี่ยวทันสมัย
- จมูกทรงปลายเชิด เป็นการเสริมเพื่อปรับให้สันจมูกโดนเด่น ปลายชัด เพิ่มมิติ และความโฉบเฉี่ยวให้กับใบหน้า
ข้อปฏิบัติก่อนทำ ขั้นตอนการเสริมจมูก และการดูแลหลังการเสริมจมูก
ข้อปฏิบัติก่อนทำศัลยกรรมเสริมจมูก
- ทำความสะอาดร่างกาย ชำระล้างใบหน้า และสระผมให้สะอาด เพราะหลังเสริมจมูกแล้ว ศีรษะจะไม่สามารถโดนน้ำได้
- งดทานยาในกลุ่มแอสไพริน วิตามินอี หรือยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวหรือเลือดออกง่าย อย่างน้อย 7-10 วัน
- งดการทานอาหารเสริมต่างๆ เป็นเวลาทั้งหมด 7 วัน โดยประมาณ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมึนเมา และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- สำคัญที่สุดคือการแจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวกับแพทย์
ขั้นตอนในการทำศัลยกรรมเสริมจมูก
- ประเมินปัญหาโดยแพทย์ ออกแบบทรงให้เหมาะสม และเลือกวัสดุที่ใช้
- ในกรณีศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิค Open อาจจะต้องมีการดมยาสลบหรือทานยานอนหลับ
- แพทย์ตรวจสอบความพร้อมร่างกายของคนไข้ก่อน
- แพทย์เริ่มทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำการฉีดยาชา และทดสอบอาการชาของคนไข้
- แพทย์เริ่มทำการผ่าตัดตามเทคนิคที่ได้ตกลงศัลยกรรมเสริมจมูกในข้างต้น จากนั้นจึงใส่ซิลิโคนไปที่บริเวณดังกล่าว
- เมื่อใส่ซิลิโคนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทำการเย็บปิด พร้อมทำความสะอาดบริเวณแผล รวมถึงใบหน้าด้วยยาฆ่าเชื้อ
- คนไข้ตรวจสอบทรงจมูกที่ได้หลังจากทำเสร็จ จากนั้นจึงทำการใส่เฝือกจมูกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และล็อกทรงจมูกให้ได้รูปสวยงาม
ข้อปฏิบัติและการดูแลตนเองหลังทำศัลยกรรมเสริมจมูก
- แพทย์จะนัดเพื่อมาตรวจอาการต่างๆ ตามวันเวลาที่เหมาะสม ตั้งแต่ตรวจสอบหลังจากผ่าตัดเสร็จทันที หลังผ่าตัด 7 วัน, 14 วัน และเข้าที่แล้วเมื่อครบ 1 เดือน ดังนั้นต้องมาตามนัดให้ครบตามที่แพทย์ได้แจ้ง
- งดนวด คลึง กด หรือการสัมผัสบริเวณจมูกในทุกๆ กรณี อย่างน้อย 7-14 วัน
- หลังผ่าตัดในช่วง 3 - 7 วันแรก อาจมีอาการบวมขึ้นได้บ้าง ต้องประคบเย็น 3 วัน และประคบอุ่น 3 วัน เพื่อลดอาการดังกล่าว
- สามารถทำความสะอาดผมหรือสระผมได้เมื่อครบ 7 วัน ขึ้นไป หรือจนกว่าจะตัดไหม หรือตามความเหมาะสมที่แพทย์แนะนำ
- ไม่นอนตะแคง ไม่นอนคว่ำ ให้นอนหมอนสูงหรือใช้หมอนล็อกคอช่วย 1 เดือน เพื่อป้องกันการเคลื่อนหรือการการไหลของซิลิโคน
- ทำความสะอาดแผลอย่างเบามือ และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ทานยาตามที่คลินิกจัดให้เป็นประจำไม่ขาด
- งดการทานอาหารเผ็ดจัด ร้อนจัด เค็มจัด อาหารทะเล และงดของหมักดองทุกชนิด เป็นเวลา 1 เดือน
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมึนเมา และการสูบบุหรี่ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน
- หลังเสริมจมูก และตัดไหม 14 วัน สามารถทำความสะอาดใบหน้าได้ แต่ต้องใข้ใช้คลีนซิ่ง โทนเนอร์ หรือน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดใบหน้าเบาๆ แทนการ นวดหรือถูใบหน้า
หลังจากการผ่าตัดและปฏิบัติตามข้อแนะนำจากแพทย์ในข้างต้น การพักฟื้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการพักฟื้นที่ดี และมีคุณภาพจะช่วยส่งเสริมให้แผลผ่าตัดต่างๆ ฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องด้วยอาการบวม ช้ำ และการฟื้นตัวของแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น
- หลังจากผ่าตัดครบ 1 สัปดาห์ อาการบวมจะดีขึ้น
- หลังจากผ่าตัดครบ 1 เดือน แผลสมานตัวดี แผลค่อยๆ หาย
- หลังจากผ่าตัดครบ 3 เดือน ไม่มีอาการบวม ช้ำ
- หลังจากผ่าตัดครบ 6 เดือน ขึ้นไป จมูกรัดแกนเข้าที่
จึงจำเป็นต้องดูแลตามข้อปฏิบัติอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดที่สมบูรณ์ และดูดีในแบบของคุณมากที่สุด
การเสริมจมูกที่ปลอดภัยจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ และควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทุกครั้งเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายหลังเสริม ที่สำคัญควรปฏิบัติตนตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
เพราะจมูกเรามีอันเดียวจะเสริมทั้งทีก็ต้องดีที่สุด! ดังนั้นในการเลือกการเสริมจมูกต้องคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจมูกที่ต้องการจะแก้ไข คลินิกหรือสถานบริการที่มีคุณภาพ แพทย์ผู้ดูแลที่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงราคาสมเหตุสมผลตามความเหมาะสม
BEAUT จึงเป็นแอปพลิเคชันความงามน้องใหม่มาแรง! ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในเรื่องของความสวยตั้งแต่ศัลยกรรมเสริมจมูกหรือโปรแกรมความงามอื่นๆ โดยคัดสรรทุกคลินิกชั้นนำใกล้บ้านคุณ และโปรโมชันราคาดี๊ดี เพื่อให้ทุกท่านได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง!
สวยชัวร์ ต้องตัวจริง โหลด BEAUT ได้แล้วที่
ระบบ IOS : https://apple.co/3dCcGgr
ระบบ ANDROID : https://bit.ly/3LASLe9