รู้หรือไม่ รสชาติในการทานอาหารส่งผลต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิดนะคะ ตามการสำรวจพฤติกรรมการทานของคนไทยในปี 2564 เทรนด์การสั่งซื้ออาหารบนออนไลน์นั้นเติบโตพุ่งสูงทะลุเพดาน แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ไส้กรอก แซนด์วิช โยเกิร์ต ของหวาน และอาหารแปรรูปอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะพุ่งตามไปด้วย อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนๆ ปริมาณของผักก็น้อยลงทุกที และแม้ว่าเราจะมีตัวช่วยเป็นคลินิกความสวยความงามแพร่หลายอยู่ทั่วทุกมุมถนน
แต่การดูแลอาหารการกิน ดูแลตัวเองจากภายในก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้ BEAUT ขอมาแชร์ทริคในการทานอาหารเพื่อสุขภาพ ปรับเพียง 4 พฤติกรรม ก็ทำให้มีสุขภาพผิว และสุขภาพร่างกายดีขึ้นได้
เลิกได้เลิก กับวลีที่ว่า “น้ำตาลตก” เพราะนี่คือข้ออ้างยอดฮิตที่มาพร้อมโรคโดยไม่รู้ตัวค่ะ ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่าน้ำตาลนั้นคืออะไร มีประโยชน์ และโทษกับร่างกายอย่างไร?
น้ำตาลมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า คาร์โบไฮเดรต ที่ประกอบด้วยธาตคาร์บอน ไฮโตรเจน และออกซิเจน โดยน้ำตาลแต่ละชนิดก็มีที่มาที่แตกต่างกันไป
ข้อดีของน้ำตาล
ข้อเสียของน้ำตาล
โดยองค์การอนามัยโรคได้ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า ในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6-8 ช้อนชา แต่ด้วยพฤติกรรมการทานของเราเปลี่ยนไป ทานอาหารสำเร็จรูป และดื่มน้ำหวาน ชา กาแฟ มากขึ้น ทำให้ต่อวันได้รับปริมาณน้ำตาลมาเกินจำเป็น รู้แบบนี้แล้วห้ามใจตัวเองกันหน่อย ลดหวานตั้งแต่วันนี้ก่อนจะเกิดโรคร้ายตามมาน้าา
หลายคนที่คิดว่าไขมันที่กินนั้นน้อยมาก แต่อย่าลืมนะคะว่าอาหารบางชนิดที่เราลืมสังเกตไปก็มีไขมันซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น กุนเชียง เนย มายองเนส กะทิ หมูยอ หรือแม้แต่ชีสอาหารโปรดของใครหลายคนก็มีไขมันแฝงอยู่
การทานอาหารมันๆ อันที่จริงก็เป็นส่วนดีในการเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย แต่หากกินจนเกินปริมาณแล้วก็ส่งผลได้เกิดโรคได้ค่ะ
โรคที่อาจจะเกิดขึ้นถ้ากินอาหารมันๆ เยอะเกินไป
1.โรคอ้วน
2.โรคความดันโลหิตสูง
3. ภาวะไขมันในเลือดสูง
4.โรคหลอดเลือดหัวใจ
5. โรคสิว และโรคผิวหนังเรื้อรัง
แต่ละโรคเห็นแล้วต้องบอกเลยว่าขนลุก ทางที่ดีลดมัน ลดของทอดตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพดีที่กันดีกว่านะคะ
อร่อยถูกใจกินอะไรก็ต้องใส่น้ำปลาพริกไว้ก่อน นี่แหละค่ะพฤติกรรมกินเค็มที่นำไปสู่การเกิดโรค แต่เมื่อพูดถึงการกินเค็มคนจะคิดถึงเครื่องปรุงอย่างเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม หรือน้ำปลาร้า แต่แท้จริงแล้วอาหารแปรรูปที่เรากินอยู่ทุกวันเป็นอาหารหลักหรืออาหารว่าง ก็แฝงไปด้วยรสเค็ม และโซเดียมปริมาณมากที่เราไม่ทันระวัง ยกตัวอย่างเช่น อาหารจําพวกบะหมี่กึ่งสําเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก ลูกชิ้น หรือผักผลไม้ดอง
ในระยะแรกการกินเค็มจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดใดของร่างกาย จนกระทั่งเมื่อกินเค็มเกินขนาด ผลข้างเคียงจะค่อยๆ ปรากฏจนน่าตกใจ และนำไปสู่โรคเรื้อรังหลายชนิด
โรคที่อาจะเกิดขึ้นถ้ากินอาหารรสเค็ม
1.ความดันโลหิตสูง
2.โรคไต
3.โรคเบาหวาน
4.โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
5.โรคกระดูก
ซึ่งทุกโรคเกิดมาจากร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ส่งผลให้ความดันโลหิตภายในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ อวัยวะภายในเริ่มอักเสบ
วิธีเลี่ยงการกินเค็มฉบับเร่งรัด
1.เลือกรับประทานอาหารสด หลีกเลี่ยงอาหารแช่แข็งหรืออาหารแปรรูป
2.ฝึกอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้ออาหาร เลือกอาหารที่มีปริมาณของโซเดียมให้น้อยที่สุด
3.ดื่มน้ำเปล่าแทนที่น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ เพราะในเครื่องดื่มก็มีโซเดียมแฝงอยู่โดยเฉพาะน้ำอัดลม
4.ชิมก่อนปรุง
นอกจากลดปัจจัยทำร้ายแล้ว การเพิ่มการกินผักคือฮีโร่ในการกู้สุขภาพค่ะ แต่ในปัจจุบัน จากการสำรวจการใช้ชีวิตในสังคมเมือง พบว่าคนไทยกินผักผลไม้ไม่เพียงพอในแต่ละวัน คนไทย 4 ใน 10 คนเท่านั้นที่กินผักพอ ซึ่ง FAO และ WHO แนะนำให้กินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 4-6 ขีดเพื่อ ลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้
โดยเฉพาะถ้าเรายังฝืนที่จะกินรสจัด และไม่เพิ่มปริมาณผักในมื้ออาหาร โรคที่จะตามมาคือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งข้อมูลจาก Thaihealth Watch สสส. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ รวบรวมสถิติสุขภาพคนไทย 10 ปีย้อนหลัง ปี 53-62 คนไทยมีแนวโน้มตายด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงขึ้น 2.4 เท่า ถ้าจะหยุดโรค รีบูสต์ร่างกายให้เริ่มเลยทันทีตอนนี้ยังไม่สายเกินไปแน่นอน
นอกจากความสวยสดใสที่เราต้องดูแล สุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ละเลยไม่ได้ การปรับอาหารการกินเป็นเรื่องใหญ่แต่ก็จะส่งผลดีในระยะยาวสำหรับทุกคน ติดตามข้อมูลเรื่องความงาม และสุขภาพดีๆ ได้เพิ่มเติม กด Follow หรือ Download BEAUT APP ไว้ในมือถือรับรองว่าไม่พลาดเรื่องดี และโปรเด็ดๆ
สวยชัวร์ ต้องตัวจริง โหลด BEAUT ได้แล้วที่
ระบบ IOS : https://apple.co/3dCcGgr
ระบบ ANDROID : https://bit.ly/3LASLe9
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thaipost.net/main/detail/89356
https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/11132020-1637