เชื่อหรือไม่!? รังสีอัลตราไวโอเลตหรือ UV ที่มากับแสงแดดซึ่งเป็นตัวการทำร้ายผิวนั้นก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะสามารถนำมารักษาปัญหาโรคผิวหนังได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงิน โรคด่างขาว หรือโรคผื่นภูมิแพ้ต่างๆ พูดแบบนี้หลายๆ ท่านคงไม่เชื่อแน่!? งั้นไปอ่านในบทความที่ BEAUT นำมาให้เหล่าบิวตี้เลิฟเวอร์อ่านกันดีกว่าค่ะ
แสงแดด (Sunlight) เป็นแสงจากธรรมชาติที่นอกเหนือจากการทำหน้าที่ให้ความสว่างหรือเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานแล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการวิจัย และค้นคว้าจนสามารถนำหนึ่งในแสงที่ประกอบในแดดนั่นก็คือ แสงอัลตราไวโอเลต หรือ UV (ยูวี) มาใช้ในการบำบัด (Light Therapy) ซึ่งจะเลือกรักษาเฉพาะที่ในตำแหน่งความผิดปกติของรอยโรคผิวหนังที่ต้องการการรักษา
โดยแสงอัลตราไวโอเลต จัดเป็นรังสีที่มีคลื่นแสงช่วงหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 200 - 400 นาโนเมตร ซึ่งจะสั้นกว่าช่วงแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่า (Visible Light) จึงสามารถช่วยบำบัด และรักษาโรคผิดปกติทางผิวหนังได้อย่างหลากหลาย และครอบคลุม เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคด่างขาว, ผื่นแพ้ผิวหนัง, ผื่นผิวหนังอักเสบ, ผื่นคันเรื้อรัง เป็นต้น
ซึ่งแสงอาทิตย์เทียมที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดหลักๆ 2 ชนิด ดังนี้
แสงอัตราไวโอเลต เอ พูว่า (PUVA) ที่ความยาวคลื่น 320 – 400 นาโนเมตร
แสงอัลตร้าไวโอเลต บี (UVB) ที่ความยาวคลื่น 290 - 320 นาโนเมตร
และในการรักษาด้วยการฉายแสงอาทิตย์เทียมนั้น ทั้งประเภทของเครื่อง ความยาวคลื่น บริเวณที่ต้องการทำการรักษา และการฉายแสงที่ใช้ในการรักษา จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามความเหมาะสมของระดับความรุนแรงของโรคก่อนทำการรักษาให้ผู้ป่วย ผ่านดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลำดับต่อไป
การฉายแสงอาทิตย์เทียมนั้นจะเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคความผิดปกติทางผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคด่างขาว, ผื่นแพ้ผิวหนัง, ผื่นผิวหนังอักเสบ, ผื่นคันเรื้อรัง เป็นต้น หรือโรคทางผิวหนังที่ไม่ตอบสนองต่อการทายา ซึ่งในการรักษารอยโรคต่างๆ จะได้รับเฉพาะแสงยูวีเท่านั้น ส่วนผิวหนังปกติจะไม่ได้รับผลข้างเคียงจากแสงดังกล่าว
ซึ่งในการรักษาสามารถรักษาได้อย่างน้อย 2 - 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการ ระดับความรุนแรง หรือชนิดของโรคที่เป็น โดยทั่วไปเมื่อได้รับการรักษาอย่างน้อย 8 - 12 ครั้ง อาการโรคทางผิวหนังต่างๆ จะดีขึ้นตามลำดับ ทว่าผู้ป่วยบางรายอาจจะต้องได้รับการฉายแสงต่อเนื่องตามความเหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพ
จริงๆ แล้ว การฉายแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ไม่ก่อให้เกิดหรือเสี่ยงเป็นมะเร็งโรคผิวหนัง เพราะกระบวนการรักษาอยู่ภายใต้การควบคุม และดูแลของแพทย์ ซึ่งมีการกำหนดใช้ระดับความเข้มข้นของการรักษาที่เหมาะสมตามแต่ละปัญหา รวมถึงการฉายแสงอาทิตย์เทียมก็สามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งบางชนิดที่เกี่ยวกับผิวหนังได้อีกด้วย
ในการรักษาปัญหาโรคความผิดปกติทางผิวหนังจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น คนไข้หรือผู้ป่วยไม่ควรรักษาเอง ถึงแม้ในยุคปัจจุบันที่เครื่องมือการแพทย์บางชนิดหรือแม้แต่เครื่องฉายแสงอาทิตย์เทียมที่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ก็ตาม เพราะหากเกิดการรักษาที่ไม่ถูกต้องตามหลักการทางการแพทย์ จากปัญหาในจุดเริ่มต้นอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลเสียให้แก่ตัวผู้ป่วยเองได้
อยากอ่านบทความดีๆ จากกูรูด้านความงามตัวจริง เราเลือกมาแล้วว่าครอบคลุม และตอบโจทย์ทุกข้อที่คุณสงสัย อย่าลืม! โหลด BEAUT แล้วเปิดปุ่มแจ้งเตือนเพื่อรับข่าวสารวงการความงามกันนะค้า~
สวยชัวร์ ต้องตัวจริง โหลด BEAUT ได้แล้วที่
ระบบ IOS : https://apple.co/3dCcGgr
ระบบ ANDROID : https://bit.ly/3LASLe9